Surprising Sunny in Seattle — [Part III]
Date: 27 Jan 2019
The Beginning
จุดเริ่มต้นคือ การหาที่ท่องเที่ยวแถวๆ Seattle…
ตามมาด้วยความทรงจำช่วงวัยรุ่นที่ได้มาเดิน National Park ที่อเมริกากับพ่อ และแม่…
ประกอบกับ Seattle ขนาบข้างด้วย National Park 2 แห่ง คือ Olympic National Park ทางตะวันตก และ Mt. Rainier National Park ทางฝั่งตะวันออก…
ดังนั้น…เลยได้ข้อสรุปโดยส่วนตัวว่า อยากไป National Park จัง ทีนี้ก่อนจะไปชวนคนอื่น ก็หาข้อมูลก่อน ว่าไปทางไหนดี ตะวันตก หรือตะวันออก?
ตามที่คิดไว้ ออกจากที่พักราวๆ 8 โมงเช้า ไปถึงไม่ควรเกิน 10 โมง จะได้มีเวลาเดินซัก 4–5 ชั่วโมง พอดูระยะทางแล้ว ไปทาง Olympic National Park ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วน Mt. Rainier ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กับลองส่องเส้นทางในการเดินแล้วไม่ได้ยากจนเกินไป ก็เลยเลือก Mt. Rainier National Park
ทีนี้ก็อยู่ที่สมาชิกที่จะไปด้วยล่ะ ด้วยความที่บางคนไม่ชอบภูเขา บางคนอยากไปพิพิธภัณฑ์มากกว่า สรุปเลยได้สมาชิกที่จะไปเดินที่ National Park 3 คน รวมผมด้วยเป็น 4 คน พอดีรถเลย
On The Way
เมื่อวานเตรียมซื้ออาหารซะดิบดี…แต่ไม่ได้กินของที่ซื้อมา เพราะสมาชิกอยากกิน IHOP มากกว่า ซึ่งร้านนี้ก็ดีอย่างตรงที่เปิด 24 ชั่วโมง และมีสาขาอยู่ไม่ไกลที่พัก เลยสรุปกันว่า มื้อเช้าเป็น IHOP พอไปกินเลยซื้ออาหารกลางวันมาเผื่อด้วยเลย จะได้ไม่ต้องไปหาเสบียงอีกรอบ
เราออกจากที่พักประมาณ 6 โมงเช้า (เช้ากว่าที่คิดไว้ตอนแรกด้วย) ตอนออกมาผมหาถุงมือไม่เจอ ทั้งๆ ที่ซื้อมาเพื่อใช้ที่นี่เลย ก็เลยตามเลย ออกกันมาก่อน (ไปเจอตอนกลับมาถึงที่พักว่า ยัดไว้ในกระเป๋าแล้วนี่แหละ แต่หาไม่เจอเอง T^T) กินข้าวเสร็จก็เริ่มออกเดินจากจาก Seattle ประมาณ 7 โมงกว่าๆ มีแวะไปซื้อกาแฟ กับเติมน้ำมันระหว่างทางด้วย โดยในระหว่างทางมีหมอกลงเยอะมากๆ ก็ขับไปเรื่อยๆ ได้อารมณ์เหมือน Slient Hill ดี บางช่วงหมอกหายไปบ้าง แต่ไม่นานก็กลับมาอีก
ปกติที่ Mt. Rainier National Park จะเก็บค่าเข้าคนละ 25 USD แต่เนื่องจากช่วงที่ไปยังเป็นช่วง Government Shutdown อยู่ เจ้าหน้าที่อุทยานตรงทางเข้าก็เลยบอกว่า ช่วงนี้ไม่เก็บเงิน สบายเราประหยัดไปเยอะเลย :)
Kautz Creek Trail
ขับเลยเข้ามาในอุทยานแล้ว หมอกก็ไม่ค่อยมีล่ะ ขับสบายหน่อย จุดมุ่งหมายของเราที่แรกที่จะไปคือ Longmire Museum (location: https://goo.gl/maps/HL4EpXSRFGM2) ที่เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ แล้วก็ Tourist center แต่ก่อนไปถึง เราไปเจอจุดชมวิวกันซะก่อน จุดชมวิวตรงนี้เรียกว่า Kautz Creek Trail
ถึงจะเรียกว่า เป็น Trail ก็ตามแต่ก็แค่ 0.2 miles เท่านั้นเอง เดินเข้ามานิดเดียว ก็ถึงจุดชมวิวแล้ว แสงเช้าสวยดี แต่ว่าแอบถ่ายยาก เพราะว่า ส่วนที่เป็นภูเขาสว่างกว่า ตรงที่เรายืนมากๆ ก็อาศัยแสงส่องเข้าหน้าแทน
หลังจากถ่ายไปได้ซักพัก เราก็ไปจอดรถกันข้างๆ Longmire Museum ที่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของวันนี้ รูปลักษณ์ภายนอกของ Longmire Museum เป็นอาคารไม้หลังไม่ใหญ่นัก (ถ้าเทียบดูก็ใหญ่กว่าห้องน้ำข้างๆ นิดเดียว ฮา….) ที่ Tourist center ก็ถามว่า เราจะไปเดิน trail ไหน จากที่ทำการบ้านมาก่อนแล้วว่า จะเลือกอันไหน ก็ตอบไปอย่างมั่นใจว่า Rampart Ridge Trail
Rampart Ridge Trail มีระยะทางทั้งหมด 5.2 miles ระยะเวลาในการเดินประมาณ 3.5 ชั่วโมง (ข้อมูลจากใน website เดินจริง…เกิน 5555) เราสามารถเลือกการเดินเป็น loop ได้ โดยไม่ต้องกลับมาทางเดิม
เจ้าหน้าที่บอกว่า ดีเลย เพราะตอนนี้ทางเดินไม่มีหิมะแล้ว กับอากาศวันนี้ดีมากแดดออก เดินสบายๆ ได้เลย ได้ฟังอย่างนี้ก็สบายใจล่ะ เพราะว่า มีสมาชิกแค่คนเดียวที่มีรองเท้าลุยหิมะ อีกสองคนเป็นรองเท้าวิ่ง ส่วนผมเป็นรองเท้า trek ที่เดินบนหิมะไม่ได้
Rampart Ridge Trail
ทางเข้า Rampart Ridge Trail จะอยู่ตรงข้ามกับ Longmire Museum ส่วนแรกจะเรียกว่า Trail of the Shadows ต้องเดินใน Trail of the Shadows ไปประมาณ 0.7 miles ก็จะถึงทางแยกขึ้น Rampart Ridge Trail
ตรงแถวๆ Longmire Museum กับทางเข้า Trail of the Shadows จะยังมีหิมะอยู่ เราก็ค่อยๆ เดินกันไป ไปซักพักจะมี View Point ทางด้านซ้าย ให้ถ่ายวิวภูเขา สวยดีทีเดียว
ช่วงนี้ทางเดินจะยังง่ายๆ มีหิมะสลับดิน แต่พอเดินลึกเข้าไปก็จะเป็นดินหมดล่ะ พอถึงทางแยกซึ่งอยู่ทางด้านขวา ก็จะเริ่มเป็นเนิน เดินขึ้นไปเรื่อยๆ
ทางเดินช่วงนี้เป็นดินตลอด มีรากไม้ ต้นไม้ และก้อนหินสลับมาให้เดินบ้างนิดหน่อย ด้วยความที่ต้นไม้หนาแน่นมาก เลยไม่มีลมพัด ทำให้เดินๆ ไปแล้วก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนต้องถอดเสื้อตัวนอก และเนื่องจากสมาชิกไม่ได้มีความฟิตกันซักเท่าไหร่ เราก็หยุดพักไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะว่า จะเดินให้สนุกก็ต้องเดินตามความเร็วของตัวเองนี่แหละ :)
ระหว่างทางก็เช็คระยะการเดินไปเรื่อยๆ เพราะจุดพักกินข้าวกลางวันที่เราคิดไว้คือ แถวๆ View Point ที่เห็นวิวภูเขา ที่ตามแผนที่บอกว่า เดินจากทางแยกตรง Trail of Shadows มา เป็นระยะทาง 1.8 miles แต่เดินไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่ถึงซะที
ตอนที่เราหยุดพักกันตรงข้างทางที่เป็นหินแผ่นใหญ่ๆ ก็มีนกมาบินวนเวียนไปมา ตอนแรกก็น่ารักดี มีอยู่ 2 ตัว แต่พอเราเดินมา มันบินตามมาด้วย…
พอเราเดินพ้นจากช่วงที่เป็นขึ้นเขามา ก็เริ่มที่จะมีหิมะอีกรอบ เราเริ่มหาที่หยุดพักกินข้าวกันตรงข้างทาง
ตอนหยุดพักกินข้าว นกที่บินตามเรามาก็เริ่มเรียกพวกมาเพิ่ม เป็น 4–5 ตัว เริ่มดูน่ากลัว 5555 แต่ว่าหลังจากกินข้าวเสร็จนกก็ไม่ได้ตามเราต่อแล้ว เดินมาเรื่อยๆ หิมะเริ่มหนาขึ้น คิดในใจ ฝรั่งที่ Tourist center นี่เชื่อใจได้ไหมฟะ = =’
และแล้วก็มาถึง View Point…
.
.
.
ช่างเป็น View Point ที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง นอกจากไม่มีที่นั่งให้ชื่นชมความงาม (มั้ง) วิวภูเขาที่คิดไว้ยังโดนต้นไม้บังอีก เราจึงเดินผ่าน View Point ไปอย่างรวดเร็ว แต่ยิ่งเดินขึ้นไป หิมะก็ยิ่งหนาขึ้น และลื่นขึ้น
จนตอนหลังต้องเอาไม้มาถือไว้ช่วยเดิน เดินพ้นมาอีกนิดก็มาถึงทางที่ทางด้านซ้ายเป็นหน้าผา ทางเดินก็แคบๆ ลื่นๆ
แถวๆ นี้เริ่มคิดแล้วว่า เดินไหวไหมเนี่ย เพราะตอนเดินมา มีหลายคนเดินผ่านเราไป และก็ย้อนกลับมา พอดีเจอแม่ลูกคู่นึงที่เดินสวนมาจากอีกทาง ด้วยชุดกันหนาว กับรองเท้าเดินหิมะเต็มรูปแบบ (มีโซ่พันด้วย) คนแม่เตือนว่า ทางข้างหน้าหิมะเยอะกว่านี้ แล้วก็ลื่นกว่านี้ ไม่แนะนำให้เดินต่อ ในใจนี่คิดถึงหน้าฝรั่งที่ Tourist center เลย
ดังนั้นเราสรุปกันว่า กลับกันเถอะ ถ้าดูรูปแผนที่ Rampart Ridge Trail ด้านบน ตรงที่กากบาทนั่นแหละ น่าจะเป็นจุดที่เราวกกลับ ความปลอดภัยต้องมาก่อน แต่ก่อนกลับก็ถ่ายรูปกันซะหน่อย
ก็เลยกลับกันมาตามทางเดิน ระหว่างทางเดินกลับ มีครอบครัวอุ้มเด็กอายุประมาณ 1–2 ปีมาด้วย ต้องแข็งแรงเบอร์ไหนเนี่ย
เดินลงเหมือนว่าง่ายกว่าเดินขึ้น แต่ต้องใช้แรงขาค่อนข้างเยอะ ไม่งั้นอาจจะกลิ้งลงไปได้ วิธีลงเขาที่เห็นมีสองวิธีคือ ค่อยๆ ลง กับบางคนวิ่งลง เพราะจะใช้แรงน้อยกว่า ก็เลือกกันได้แล้วแต่ชอบ แต่วิธีวิ่งลงต้องระวังสะดุดรากไม้กันด้วย
Kautz Creek Trail Again
ลงมาถึงด้านล่างก่อนกลับ เห็นมีรถจอดแวะข้างทาง เราเลยแวะบ้าง ตรงนี้เป็นที่ราบที่มีแม่น้ำ Nisqually ไหลผ่าน ก็ลงไปถ่ายรูปซะหน่อย
ก่อนกลับจากอุทยาน เราแวะที่ Kautz Creek Trail อีกที จะได้ถ่ายรูปหมู่ครบ 4 คนซะหน่อย แต่รอบบ่ายนี่แสงลงภูเขาเยอะไปหน่อย ขาวเชียว
เป็นอันจบการเดินทางใน Mt. Rainier National Park แต่เพียงเท่านี้ ตอนที่กลับออกมาน่าจะประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ เกือบบ่ายสามโมง แต่…การผจญภัยของวันนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ไว้ค่อยมาดูต่อ blog หน้าก็แล้วกัน
รูปทั้งหมดดูได้ที่ https://www.facebook.com/pattokung/media_set?set=a.10157291391017682&type=3