Surprising Sunny in Seattle — [Part II]
Date: 26 Jan 2019
Morning Activities
วันนี้ตื่นกันมาแต่เช้า ทำอาหารที่ซื้อกันมาเมื่อวาน หลักๆ ก็ American Breakfast นี่แหละ ขนมปังปิ้ง ออมเล็ต ไข่ดาว แฮม เบคอน
ระหว่างทำอาหารที่ช่วยๆ กันหลายคน ก็มีแวบๆ ออกไปถ่ายรูปบ้าง เพราะข้างนอกบรรยากาศน่าถ่ายรูปมาก อุปสรรคมีเพียงความหนาว กับเสาไฟฟ้าเท่านั้น
กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว โปรแกรมของเราวันนี้เป็น Pike Place Market แถวๆ downtown ของเมืองนั่นเอง
Pike Place Market
location: https://goo.gl/maps/w6nmbb2tGMy
ที่นี่เป็นตลาดปลา ขายของทะเล แล้วก็มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมือง Seattle การเดินทางก็ง่าย ขับรถประมาณ 10 นาทีก็ถึง พอไปถึงเราก็ไปวนหาที่จอดรถกัน เนื่องจากไม่รู้ว่า มีที่จอดรถตรงใกล้ๆ ท่าเรือ ก็วนกันไป 2 รอบ ก็ได้ที่จอดข้างๆ ถนนหน้าตลาดพอดี ซึ่งถือว่า โชคดี เพราะว่าที่ตรงนี้จอดฟรีได้จนถึง 4 โมงเย็นเลยทีเดียว
สถานที่แรกที่สมาชิกไปกันก็คือ Starbucks แห่งแรกของโลก!!! ใช่ครับ Starbuck ร้านแรกของโลกอยู่ที่นี่ จะมีของขายเฉพาะของที่นี่ด้วย แต่เนื่องจากไม่ใช่คอกาแฟ สัมผัสแรกของการกินของกินที่นี่เลยเป็นร้านไอศครีมที่อยู่ถัดไปแทน
จากนั้นเราก็เดินไปจุดชมวิวที่อยู่ริมตลาดกัน เป็นจุดที่มองเห็นทะเล และถนนยาวๆ เชื่อมกับท่าเรือแต่ละแห่งไว้
ถ่ายรูปกันเรียบร้อย เราก็เดินเข้าไปในตลาด ในตลาดแถบนี้ก็จะมีคนมาออกร้านกันอารมณ์เหมือนพวกตลาดนัด มีทั้งของกิน ของใช้ และเครื่องประดับ
ลึกเข้าไปด้านในตลาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่ง ที่ไม่น่าเที่ยวเท่าไหร่ นั่นก็คือ Gum Wall หรือกำแพงหมากฝรั่งนั่นเอง…ครับ อ่านไม่ผิด กำแพงหมากฝรั่ง เป็นแหล่งที่เอาหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้วมาแปะเยอะๆ ไม่รู้ใครเป็นต้นคิด ดูสกปรกซกมกมาก แต่ไหนๆ ก็มาแล้วไปส่องหน่อยก็ได้ เพราะถ้าให้มาอีกคงไม่มาแล้ว
ตรงโซนที่เป็น Gum Wall ก็จะมีพวกร้านกาแฟอยู่ เดินขึ้นไปตึกข้างๆ ก็มีร้านอาหาร ร้านกาแฟแถวๆ นี้บรรยากาศดีทีเดียว ถ้าไม่ใช่ร้านที่อยู่แถวๆ Gum Wall อ่ะนะ
หนึ่งในอาหารที่น่าสนใจของ Pike Place Market คือ Clam Chowder หรือก็คือ ซุปหอยลายนั่นเอง ร้านเจ้าดังอยู่ซอยถัดขึ้นมาจากตลาดนิดหน่อย หาไม่ยาก เพราะเป็นร้านที่คนต่อคิวเยอะๆ แต่ถึงคนเยอะก็รอไม่นาน เพราะว่า คิวค่อนข้างเร็วทีเดียว
Clam Chowder มีให้เลือก 4 รสชาติด้วยกัน ไม่ใช่หอยลายทั้งหมด แต่จำไม่ได้แล้วว่า มีอะไรบ้าง ถ้าใครอยากลอง 4 รสชาติเลยก็มีชุดแบบ Sampler ให้ลอง จะได้ถ้วยเล็กๆ 4 รสกันเลย
Space Needle
location: https://goo.gl/maps/VZSioq4LcyJ2
กินกันอิ่มเรียบร้อย สถานีถัดไปของเราก็คือไป Space Needle ที่เป็นหอชมวิวกลางเมือง เนื่องจากเราไม่อยากไปหาที่จอดรถอีกเลยเดินกันไป Google Map บอก 8–9 นาที แต่ขอบอกว่า เดินกันจริงๆ ก็ประมาณ 15 นาทีได้
แถวๆ Space Needle ก็จะมีพิพิธภัณฑ์ กับร้านอาหารอยู่ด้วย เราก็เดินกันแวบๆ เพราะมีโปรแกรมถัดไปที่จะไป Starbucks Roastery กัน พอดีจากตรง Space Needle มีรถไฟฟ้าที่วิ่งไปลงตรง downtown ใกล้ๆ กับ Pike Place Market ด้วยก็เลยนั่งกันไป ประหยัดแรงขาได้บ้าง
ไปตรง Downtown ก็แวะซื้อของกันนิดหน่อย ได้แวะเข้า Columbia สอยถุงมือมา 2 คู่ จากนั้นก็เดินกลับไปที่ Pike Place Market เพื่อขับรถไปที่ Starbucks Roastery
Starbucks Reserve Roastery
location: https://goo.gl/maps/qoKXCRRhFuN2
ที่นี่พิเศษตรงที่เป็นโรงคั่วกาแฟเก่า แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นร้านให้เราเข้าไปใช้กัน ร้านใหญ่ คนมาเที่ยวเยอะ คนถ่ายรูปก็เยอะ ที่นี่ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องหาที่จอดรถ ต้องหาจอดกันข้างถนน พอจอดแล้วเราก็ต้องไปหยอดเหรียญจ่ายค่าจอดรถด้วย
นั่งได้ไม่นาน เราก็ออกไปสถานที่สำคัญที่เป็น landmark สำหรับถ่ายรูปของเราในเมือง Seattle นั่นก็คือ Kerry Park
Kerry Park
location: https://goo.gl/maps/DrVZ5PYT86r
ตอนก่อนมา มีคนชี้เป้าว่า ถ้ามา Seattle อยากได้วิวเมืองที่เห็น Space Needle และ Mt. Rainier ที่เป็น icon ของเมือง พอลองไปหาดูถ้าอยากได้รูปนั้นก็ต้องมาที่ Kerry Park นั่นเอง เราออกจาก Starbucks Roastery กันช่วงบ่ายสี่โมงกว่าๆ เพราะว่า ต้องใช้เวลาประมาณ 10–15 นาทีเพื่อไปถึงสถานที่ และดูมาอย่างดีว่า วันนี้พระอาทิตย์ตก 5 โมงเย็น เลยไปถึงตั้งแต่ประมาณ 4 โมงครึ่ง
ที่มาเร็วเป็นเพราะกลัวว่า ถ้าบางช่วงมีเฆม เราอาจจะไม่ได้รูป Mt. Rainier เป็นฉากหลัง มาเร็วหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่กลับโชคดีมาก ที่ไม่มีอะไรบังเลยตลอดการถ่าย เห็นชัดตลอด ถือว่า ฟินมากๆ
ยืนกันไปยืนกันมา ปัญหาที่เจอคือ ลมแรง หนาว และไม่มีห้องน้ำ ตอนแรกที่จินตนาการว่า น่าจะเป็นสวนสาธารณะใหญ่ๆ ที่มีเนินสูงๆ แต่ไม่ใช่เลย มันอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยปกตินี่แหละ ตรงส่วนบนของภูเขาเป็นเวิ้งที่เรายืนถ่ายรูปกัน (ถึงเรียกว่า เวิ่งแต่ไม่เล็กนะครับ กว้างทีเดียว ยืนกันได้เป็นร้อยคน) คนที่มาตั้งกล้องถ่ายรูปก็ค่อนข้างเยอะ ส่วนที่ดูจะเป็นสวนสาธารณะจริงๆ น่าจะเป็นด้านล่างที่มีสนามเด็กเล่นมากกว่า ดังนั้น ถ้าจะหาห้องน้ำสาธารณะคือ ไม่มีนะครับ ถ้าใครจะมายืนถ่ายรูป แนะนำให้เข้าห้องน้ำมาให้เรียบร้อยซะก่อน
ยืนรอไป 5 โมงแล้ว แสงก็ยังไม่หมด พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว แต่พระอาทิตย์ตกที่นี่จะตกอยู่ทางด้านขวาของเวิ้งที่เรายืนกัน ดังนั้นจะไม่ได้แสดงเย็นแบบเต็มๆ ที่ฉากหลัง ก็เลยกะว่า จะรอไปจนถึงตอนที่เมืองเปิดไฟหมดแล้วค่อยกลับ
ต่อเวลาจนไม่ไหวกัน พอได้ภาพสุดท้ายด้านล่างปุ๊ป วิ่งเข้ารถกันเลยทีเดียว ไปเปิด heater ถ้าจำไม่ผิดอุณหภูมิวันนั้นอยู่ประมาณ 4 องศาเซลเซียส พร้อมกับมีลมตลอดเวลา
Crab Pot
location: https://goo.gl/maps/1d7D5h3Cq812
เรามาปิดท้ายด้วยการมากิน Crab Pot หรือปูถัง (คล้ายๆ ที่บ้านเราก็มีพวกกุ้งถัง) อยู่ใกล้ๆ Pike Place Market นั่นแหละ แต่อยู่ด้านล่างใกล้ๆ ท่าเรือ ตรงนี้ก็มีวิวชิงช้าสวรรค์ให้ถ่ายรูป ที่จอดรถที่หาได้ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้าน แถวนี้ก็มีที่ให้เดินเล่นรอเวลาอยู่บ้าง
หลังจากกินเสร็จก็มีแวะ Super Market อีกหน่อย ซื้อเสบียงไปเผื่อขึ้นภูเขาพรุ่งนี้ที่ Trader Joe เป็นอันจบกิจกรรมการเที่ยวในตัวเมือง Seattle กัน
รูปทั้งหมดดูได้ที่ https://www.facebook.com/pattokung/media_set?set=a.10157211910302682&type=3